
Suicide Silence (ซูไซด์ ไซเลนซ์) คือวงลูกผสมระหว่างดนตรีเดธเมตัลกับดนตรีประเภทเมตัลคอร์ จึงทำให้ดนตรีของพวกเขาถูกเรียกขึ้นมาอีกแบบในกลุ่มผู้ฟังยุคใหม่ง่าเป็น “Deathcore (เดธคอร์)” มันจะก่ำกึ่งอยู่ระหว่างเดธเมตัลเสียมากกว่า แต่บางครั้งก็ถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มของวงกระแส ไม่แปลกใจที่พวกเขามันทัวร์ได้ทั้งวงเดธเมตัล และบางงานอาจจะทัวร์สนับสนุนให้กับวงเมตัลคอร์
เด็กหนุ่ม 5 ชีวิตจากเมืองคาลิฟอร์เนีย ตั้งวงครั้งแรกในปี 2002 สมาชิกล่าสุดประกอบด้วยChris Garza (กีตาร์), Mitch Lucker (ร้องนำ), Mike Bodkins (เบส), Mark Heylmun (กีตาร์), Alex Lopez (กลอง) พวกเขาเคยออกเดโมเทปมาก่อนหน้านี้แล้ว ถึง 2 ชุด โดยเป็นการลงทุนทำกันเอง ต่อมาอีพีชุดแรกก็เกิดขึ้นโดยมีสังกัด Third Degree Records เป็นต้นสังกัดแรก พวกเขามาโด่งดังจนเตะตาสังกัดใหญ่อย่าง Century Media เข้าด้วยสปริตอัลบัมกับวง Downtown Massacre ในปี 2006 เป็นงานที่สร้างชื่อให้กับวงค่อนข้างมาก
2 ปีต่อมา ได้เซ็นสัญญาภายใต้สังกัด Century Media และปล่อยอัลบั้มเต็ม The Cleansing ซึ่งบันทึกเสียงโดย Krissan Duwason มิกซ์เสียงโดย Tue Madsen มี John Travis เป็นโปรดิวเซอร์ ออกแบบปกโดย Dave Mckean และอัลบั้มดังกล่าวอยู่ในอันดับที่ 94 จาก 200 อันดับของบิลบอร์ด โดยขายได้ 7,250 แผ่นในสัปดาห์แรกและกลายเป็นอัลบั้มที่ขายดีเป็นประวัติการณ์ของ Century Media ด้วยความสำเร็จจากการออกอัลบั้มนี้ Suicide Silence ได้เข้าร่วมแสดงคอนเสิร์ต Mayhem Festival ที่จัดขึ้นในปี 2008 พวกเขาทัวร์คอนเสิร์ตในยุโรปร่วมกับวง Parkway Drive และ Bury Your Dead และทัวร์ในอเมริการ่วมกับวงดังกล่าวก็ประสบความสำเร็จด้วยดี นอกจากนี้ในช่วงกลางปี 2008 ยังได้ทัวร์คอนเสิร์ตร่วมกับ Parkway Drive, A Day to Remember และ The Acacia Strain ซึ่งเป็นช่วงที่เล่นในงาน Sweat Fest และกลุ่มแฟน ๆ เริ่มขยายวงกว้างออกไปทั่วโลก
ก่อนหน้าที่เริ่มแสดงในงาน Mayhem Festival พวกเขาก็ได้ตั้งชื่อโปรไฟล์ ใน MySpace ว่า ?Suicide Silence (Is writing a new album)? ในวันที่ 26 มิถุนายน ปี 2008 Mitch Lucker ได้ให้สัมภาษณ์ใน blog podcast ของรายการ Headbangers Ball ในบทสัมภาษณ์ Mitch กล่าวว่าจะมีการบันทึกอัลบั้มใหม่ผ่านแทรคที่แหวกแนวจากการบันทึกอัลบั้มที่ผ่านมาอย่าง The Cleansing อัลบั้มนี้วางแผงในวันที่ 30 มิถุนายน ปี 2009 แต่เปิดให้ฟังใน MySpace ก่อนวันที่จะวางแผง เขายังกล่าวอีกว่าอัลบั้มใหม่นี้จะทำให้อัลบั้ม The Cleansing ชิดซ้ายตกขอบไปเลยทีเดียว และทางวงก็ได้เลือก Machine เป็นโปรดิวเซอร์ของอัลบั้มนี้
Suicide Silence เริ่มบันทึกอัลบั้มที่สองที่มีชื่อว่า No Time to Bleed ในเดือนกุมภาพันธ์โดยมี Machine เป็นโปรดิวเซอร์ และ Will Putney เป็น Sound Engineer แต่ก่อนหน้าที่จะออกอัลบั้มใหม่ พวกเขาได้เล่น4 เพลงในอัลบั้มนี้แล้วคือ No Time to Bleed, Your Creations, Lifted และ Wake Up ในคอนเสิร์ต Cleansing The Nation tour และ the Music As A Weapon tour ในเดือนเมษายนพวกเขาได้รับรางวัล Revolver Golden God Award ในสาขา Most Innovative Band? และได้ทำการแสดงในงานประกาศผลรางวัลด้วย
ในปี 2009 Suicide Silence ได้เข้าร่วมแสดงในคอนเสิร์ต Pedal to the Metal ร่วมกับวง Mudvayne, Static-X, Bury Your Dead, Dope และ Black Label Society ในปีเดียวกัน Suicide Silence ได้รับรางวัล Golden God award ในสาขา Best New Talent ซึ่งรางวัลที่สองนี้ได้รับการยอมรับมาจนถึงปัจจุบัน Suicide Silence ได้ออกอัลบั้มเต็มอัลบั้มที่สอง No Time to Bleed ในวันที่ 30 มิถุนายน ปี 2009 ภายใต้สังกัด Century Media โดยมี Matchine เป็นโปรดิวเซอร์ อัลบั้มนี้ไต่อันดับได้สูงสุดเป็นลำดับที่ 32 จาก 200 ของบิลบอร์ด เฉพาะในอเมริกาขายได้ 14,000 แผ่นภายในอาทิตย์แรก เพลง Genocide ได้ถูกนำมาเป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ Saw VI และนอกจากนี้มิวสิควิดีโอเพลงดังกล่าวได้ออกอากาศทางเว็บไซต์ของ Bloody Disgusting Suicide Silence มีกำหนดการแสดงคอนเสิร์ตตลอด Warped Tour 2010 ใน Hurley Stage ทางวงประกาศว่ามิวสิควิดีโอเพลง Disengage ซึ่งเป็นซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 20 เมษายน ปี 2010 จะออกอากาศในเดือนพฤษภาคม ปี 2010
โดยปี 2011พวกเขาเริ่มเตรียมอัลบั้มเต็มชุดที่ 3ของพวกเขา ใน Big Bear, California กับ Steve Evetts ซึ่งเป็นโปรดิวเซอร์ที่พวกเขาเลือกไว้
ระหว่างเดือน มีนาคมพวกเขามีกลุ่มที่ดำเนินการที่แคลิฟอร์เนีย ในงาน Metalfest
และสัปดาห์ต่อมา ที่เนวาด้ากับงาน Extreme Thing festivals ทั้งนี้ในงานพวกเขาได้คอนเฟริ์มเรื่องอัลบั้มเต็มชุดที่ 3 ของพวกเขาในงานนี้ ส่วนชื่อในการทำงานของอัลบั้มนี้คือ "Cancerous Skies", "Human Violence" และ "Fuck Everything" อัลบั้มชุดที่ 3 ของพวกเขา ก็เป็นที่น่ายินดีเพราะขายได้ 14,000 ก็อปปี้ ในสัปดาห์แรกที่อเมริกา และเปิดตัวอย่างสวยงามด้วยการขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 28 ของ Billboard 200 Chart
และยังได้ร่วมงานกับ "Jonathan Davis" กระบอกเสียงแห่งวง "Korn" ทำให้เพลง "Witness the Addiction" มีกลิ่นของ"์ีNu Metal" ติดมากลับเพลงไปด้วยทำให้ดนตรีมีความลำลึกถึงซาวด์สมัยก่อนที่พวกเขาได้เติบโตมา.. และที่เด็ดที่สุดคือได้ร่วมงานกับ "Frank Mullen" กระบอกเสียงแห่ง "Suffocation"
ยิ่งทำให้เพลง "Smashed" มีความดุดันมากยิ่งขึ้น และยังมี โบนัสเพลง Cover Rob Zombie Cover กับเพลง "Super Beast" อีกด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น